Page 101 - หนังสือ สัตว์หน้าดิน นิเวศวิทยาและการใช้ประโยชน์
P. 101
การปรับตัวของสัตว์หน้าดินในแหล่งน ้า 83
หาดหิน เช่น หอยหมวกเจ๊ก หอยแปดเกล็ดและเพรียงหินมักมีเปลือกที่หนาและแข็งแรง หอยแมลงภู่และหอย
นางรมจะปิดฝาแน่นในยามที่โผล่พ้นน ้าขณะที่น ้าลง การหลบซ่อนของสัตว์หน้าดินอยู่ตามซอกหิน รอยแยกใน
หินและแอ่งน ้าก็เป็นการปรับตัวต่อสภาวะอุณหภูมิที่สูงขึ้นและการสูญเสียน ้าออกจากตัว หอยขี้นกซึ่งเป็นหอย
ขนาดเล็กที่อยู่บริเวณหาดหิน มักอยู่รวมเป็นกลุ่มและปล่อยเมือกออกมาเพื่อห่อหุ้มตัวเพื่อรักษาสภาพความชื้น
ไว้ด้วย ปูก้ามดาบที่อยู่ในป่าชายเลนและหาดเลนจะวิ่งลงรูเป็นครั้งคราวเพื่อจุ่มตัวในแอ่งน ้าที่ลึกอยู่ในรูเพื่อให้
ได้ความชื้นและแก้ปัญหาการสูญเสียน ้าจากตัว นอกจากนี้กระดองของปูยังช่วยป้องกันตัวเองด้วย กลยุทธอีก
ประการหนึ่งที่สัตว์หน้าดินใช้เพื่อต่อสู้กับสภาวะอุณหภูมิสูงโดยเฉพาะช่วงน ้าตาย ซึ่งน ้าจะลงเป็นเวลานานมาก
คือปูจะพยายามรักษาอุณหภูมิภายในร่างกายให้ต ่ากว่าอุณหภูมิภายนอกเป็น evaporative cooling
นอกจากนี้การควบคุมเม็ดสีบนเปลือกหรือกระดองของปูเพื่อให้กระดองปูหรือเปลือกหอยมีสีเข้มหรือสีอ่อน
ตามสภาวะอุณหภูมิภายนอกก็ช่วยป้องกันตัวสัตว์ได้เช่นกัน เช่นกระดองของปูก้ามดาบจะมีสีจางเพื่อช่วยใน
การสะท้อนแสง เป็นต้น
3.5 การปรับตัวต่อสภาวะความเค็มที่เปลี่ยนไป (osmoregulation)
การปรับตัวต่อสภาวะความเค็มที่เปลี่ยนแปลงเป็นการปรับตัวที่ส าคัญส าหรับสัตว์หน้าดินที่อาศัยอยู่
บริเวณน ้ากร่อยและบริเวณเขตน ้าขึ้นน ้าลง เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงความเค็มเกิดขึ้นในช่วง 24 ชั่วโมง ตาม
ช่วงเวลาน ้าขึ้นน ้าลงและเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล โดยเฉพาะในเขตร้อนเช่นประเทศไทยซึ่งมีเพียงฤดูฝนและฤดู
แล้งเท่านั้น ซึ่งรูปแบบการปรับตัวต่อสภาวะความเค็มได้อธิบายและพร้อมยกตัวอย่างไปแล้วในสัตว์หน้าดินที่
อาศัยบริเวณป่าชายเลนเป็นหลัก ศักยภาพในการปรับตัวของสัตว์หน้าดินต่อสภาวะความเค็มที่เปลี่ยนไปจะ
เป็นตัวก าหนดขอบเขตการกระจายของสัตว์หน้าดิน สัตว์หน้าดินที่อยู่ในแหล่งน ้าจืดและในทะเลเปิดทะเลลึก
มักมีการกระจายแคบตามช่วงความเค็มที่เหมาะสมที่สัตว์เหล่านี้ด ารงชีพอยู่ได้ สัตว์กลุ่มนี้ไม่สามารถทนได้ใน
ความเค็มที่เปลี่ยนแปลงไปเกินกว่าช่วงความเค็มที่เหมาะสมในการด ารงชีพ เช่น กลุ่มไส้เดือนน ้า หนอนแดง
และหอยน ้าจืดจะไม่สามารถอยู่ได้ในระดับความเค็มที่เกิน 3-8 psu ส่วนสัตว์ทะเลกลุ่มเอคไคโนเดิร์ม เช่น
ปลิงทะเล เม่นทะเลและดาวทะเลจัดเป็นสัตว์ทะเลทั้งหมดจะพบแต่บริเวณทะเลเปิดและทะเลลึกที่น ้ามีความ
เค็มเกิน 25 psu ขึ้นไป เราจะไม่พบปลิงทะเล เม่นทะเลและดาวทะเลในบริเวณปากแม่น ้าเลย สัตว์หน้าดินที่
กระจายได้ในขอบเขตจ ากัดตามช่วงความเค็มที่เหมาะสมกับการด ารงชีพเราเรียกว่า stenohaline ซึ่งลักษณะ
การกระจายดังกล่าวจะต่างจากการกระจายของสัตว์หน้าดินที่อยู่บริเวณน ้ากร่อยและปากแม่น ้า สัตว์หน้าดินที่
มีการกระจายในขอบเขตที่กว้างตามความเค็มที่เปลี่ยนแปลงไปเราเรียกว่า euryhaline ในการปรับตัวของสัตว์
หน้าดินน ้าจืดและสัตว์ทะเลต่อความเค็มนั้นพบว่าสัตว์กลุ่มนี้จะทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงความเค็มได้น้อย
มาก สัตว์จะพยายามรักษาน ้าและเกลือแร่ในตัวให้คงที่ให้ใกล้เคียงกับความเค็มของน ้าภายนอกที่มันอาศัยอยู่
เราเรียกสัตว์หน้าดินกลุ่มนี้ว่า osmoconformers ตัวอย่างเช่นปลิงทะเลตามปกติอยู่ได้ดีในทะเล เนื่องจาก
ความเข้มข้นของน ้าภายในตัวประมาณ 28 psu ใกล้เคียงกับความเค็มของน ้าทะเลภายนอกที่มันอยู่ ถ้าเราเอา
ปลิงทะเลมาใส่เลี้ยงในน ้าจืดน ้าก็จะซึมเข้าปลิงทะเลจนตัวมันแตกตายได้ ปูก้ามดาบและปูแสมเป็นตัวแทนของ