Page 49 - หนังสือ สัตว์หน้าดิน นิเวศวิทยาและการใช้ประโยชน์
P. 49
แหล่งอาศัยของสัตว์หน้าดิน 31
(3) อนุภำคดินตะกอนและปริมำณสำรอินทรีย์ในดินตะกอน
ปริมำณสำรอินทรีย์เป็นแหล่งอำหำรที่ส ำคัญของสัตว์หน้ำดินพวกกินอินทรียสำรหลำยชนิด เช่น
ไส้เดือนน ้ำและหนอนแดง เป็นต้น พื้นท้องน ้ำที่มีลักษณะเป็นดินโคลนจะมีปริมำณสำรอินทรีย์สูงกว่ำดินทรำยที่
มีตะกอนหยำบ ขนำดอนุภำคดินตะกอนที่มีขนำดเล็กเช่นดินโคลนจะมีศักยภำพในกำรเก็บกักอินทรียสำรได้สูง
กว่ำดินตะกอนที่มีขนำดใหญ่และหยำบเช่นดินทรำย ดินตะกอนในแหล่งน ้ำนิ่งส่วนใหญ่มีลักษณะเป็นดินโคลนมี
สำรอินทรีย์สูง ซึ่งในบริเวณนี้จะมีสัตว์หน้ำดินอำศัยอยู่เป็นจ ำนวนมำกกว่ำบริเวณพื้นกรวดหรือพื้นทรำย
(4) ควำมขุ่นของน ้ำและควำมโปร่งแสง
แหล่งน ้ำนิ่งจะมีควำมขุ่นสูงเกิดจำกตะกอนละเอียดซึ่งมีผลต่อพวกสัตว์หน้ำดินที่กรองอำหำรจำก
มวลน ้ำ ควำมขุ่นจำกตะกอนดินจะมีผลต่อกำรเปลี่ยนแปลงสภำพพื้นท้องน ้ำและมีผลต่อชนิดสัตว์หน้ำดินที่
อำศัยอยู่ ปริมำณสำรแขวนลอยในน ้ำ ได้แก่ ดินตะกอน สำรอินทรีย์ แพลงก์ตอนและพวกสิ่งมีชีวิตขนำดเล็กจะ
ขึ้นอยู่กับระดับควำมขุ่นของแหล่งน ้ำ ควำมขุ่นมีผลต่อกำรส่องผ่ำนของแสงลงในแหล่งน ้ำโดยมีผลท ำให้ควำม
โปร่งแสงของแหล่งน ้ำลดลงซึ่งมีผลต่อกำรสังเครำะห์แสงของพืช ท ำให้ผลผลิตเบื้องต้นซึ่งเป็นอำหำรตำม
ธรรมชำติของสัตว์หน้ำดินลดลง
(5) กระแสน ้ำ
ในแหล่งน ้ำนิ่งตำมปกติจะไม่มีกำรไหลเวียนของน ้ำ กระแสน ้ำจะเกิดขึ้นโดยลมที่พัดผ่ำนผิวหน้ำน ้ำ
ก่อให้เกิดกำรหมุนวนของกระแสน ้ำซึ่งเป็นกำรเพิ่มปริมำณออกซิเจนในแหล่งน ้ำ
(6) ปัจจัยทำงชีวภำพ
ปริมำณอำหำรและกำรแก่งแย่งแข่งขันกันของสัตว์หน้ำดินเป็นปัจจัยชีวภำพที่ส ำคัญที่ก ำหนด
ปริมำณและชนิดของสัตว์หน้ำดินที่พบได้ในแหล่งน ้ำนิ่ง สัตว์หน้ำดินจะกินอำหำรแตกต่ำงกันมีทั้งพวกที่กินพืช
กินสัตว์ กินพืชและสัตว์ พวกที่กินซำกและสำรอินทรีย์ ดังนั้นในแหล่งน ้ำที่มีอำหำรอุดมสมบูรณ์จะพบปริมำณ
ของสัตว์หน้ำดินเพิ่มขึ้น แต่ในสภำวะที่อำหำรขำดแคลนหรือลดลงจะเกิดกำรแก่งแย่งอำหำรกัน กำรถูกล่ำโดย
ผู้ล่ำก็เป็นปัจจัยทำงชีวภำพที่ส ำคัญที่มีผลต่อปริมำณของสัตว์หน้ำดินที่พบได้ สัตว์หน้ำดินบำงชนิดเช่นไส้เดือน
น ้ำ Tubifex sp. จะสร้ำงท่ออำศัยจำกเมือกและดินตะกอนคล้ำยกับปล่องไฟ พวกตัวอ่อนแมลงหนอนปลอกน ้ำ
(caddisfly larva) จะใช้วัสดุพวกซำกอินทรีย์ สำหร่ำย เศษใบไม้และกิ่งไม้ขนำดเล็กมำห่อหุ้มล ำตัวเพื่อป้องกัน
ตัวเองจำกผู้ล่ำ ดังภำพที่ 2.3